เชลซี เป็นหนึ่งในทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับอันเหนียวแน่นมาโดยตลอด ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008/09 ทีมที่ใช้กุนซือชั่วคราว กุส ฮิดดิ้ง ฝ่าด่าน ยูเวนตุส และ เสมอดุเดือด 4-4 กับ ลิเวอร์พูล รอบรองชนะเลิศพวกเขาพบยอดทีม บาร์เซโลน่า และบุกไปเสมอมาก่อน 0-0 กลับมาได้เปรียบในบ้าน เกมอาจเป็นของ เชลซี ถ้าไม่มีกรรมการจากนอร์เวย์ ทอม เฮนนิ่ง โอเวรโบ
การตัดสินไม่ให้จุดโทษกับเจ้าบ้านอาจไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อกรรมการไม่สนใจแรงกดดันจากกองเชียร์เจ้าถิ่น แต่การไม่ให้จุดโทษถึง 4 ครั้งนั้นแปลกเกินไป หลังจาก ไมเคิ่ล เอสเซียง ซัดอีซ้ายอย่างสวยงามตั้งแต่ต้นเกม แต่หลังจากนั้น ฟลอร็องต์ มาลูด้า โดนขวางในกรอบเขตโทษ, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา โดน เอริค อบิดัล ดึงเสื้อเมื่อกำลังหลุดเดี่ยวระยะ 12 หลา ไม่เพียงเท่านั้น อบิดัล ทำฟาวล์ นิโกล่าส์ อเนลก้า หน้ากรอบเขตโทษโดนใบแดง ทำให้เจ้าถิ่นได้เปรียบตัวผู้เล่นเมื่อเหลือเวลามากกว่า 20 นาที
อเนลก้า กำลังจะได้โอกาสอีกครั้ง เคราร์ด ปิเก้ กางแขนในกรอบเขตโทษและใช้มือปัดบอล แต่กรรมการก็ยังบอกว่าไม่ จนเข้าสู่นาทีท้าย อังเดรส อีเนียสต้า ซัดประตูสุดสวย ตีเสมอ 1-1 โอกาสเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือนช่างสดใส เชลซี ไม่ยอมแพ้ พวกเขาตั้งใจกับลูกเตะมุมที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของรายการใหญ่ในฤดูกาลนี้
แต่เมื่อบอลเข้าเท้า มิชาเอล บัลลัค ในกรอบโทษ เขาซัดประตูโดนแขน ซามูเอล เอโต้ กรรมการก็ไม่ให้อะไรและเป่าจบเกม บัลลัค และผู้เล่นคนอื่นๆ วิ่งเข้าไปล้อมผู้ตัดสินจนได้ใบเหลือง
บาร์เซโลน่า เข้าชิงชนะเลิศกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะได้และเป็นเทรเบิ้ลแชมป์ประวัติศาสตร์ที่สวยงาม แต่สำหรับแฟนๆ เชลซี นั่นคือเกมระดับยุโรปที่น่าอัปยศมากที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่พวกเขาเคยเจอ